Thursday, November 14, 2013


Sakurasou no Pet na Kanojo Thai Translation - Chapter 1 Part 4

Part 4
---------------------------------------------------------

“ยังง่วงอยู่เลย อยากจะนอนต่อชะมัด”

แต่เนื่องจากวันนี้หมดช่วงวันหยุดฤดูใบใผลิแล้ว โซราตะจึงต้องลุกจากเตียงอย่างช่วยไม่ได้

ทั้งหมดทั้งมวล เป็นความผิดของมิซากิ ที่เขานอนหลับไม่เต็มอิ่ม ทุกๆ อย่างที่เริ่มเพี้ยนไปก็เพราะมิซากิ บางทีโลกร้อง ตลาดหุ้นผันผวน ค่าเงินเยนตกต่ำ หรือการปลดประจำการของเครื่องบินคองคอดและรถไฟฟ้าก็ด้วย ทุกๆ อย่างต้องเป็นเพราะมิซากิแน่ๆ

เหตุผลจริงๆ แล้วก็คือ เนื่องจากเมื่อคืนเป็นงานเลี้ยงต้อนรับมาชิโระ จิฮิโระที่ยังคงปวดใจกับงานนัดเดทก็ได้ขังตัวเองไว้ในห้องเหมือนกับอาคาซากะ ริวโนะสุเกะ เพราะฉะนั้นจึงมีแค่ โซราตะ มิซากิ และจิน ที่ต้องเป็นคนดูแลงานเลี้ยงต้อนรับของมาชิโระ

ในช่วงระหว่างที่กำลังทำหม้อไฟที่จินเตรียมมาอยู่ มิซากิก็ฝอยน้ำลายแตกฟองแบบต่อเนื่องไร้อาการสะดุด ส่วนอีกด้านหนึ่ง โซราตะต้องคอยทำหน้าที่เป็นโล่ป้องกันให้กับมาชิโระ แต่กระนั้นแล้ว มาชิโระก็ไม่ได้แสดงอาการรังเกียจมิซากิแต่อย่างใด แม้กระทั้งมุขตลกเสื่อมของจินก็เข้าไปไม่ถึงเธอด้วยซ้ำ ทำให้เป็นการยากมากที่จะอ่านความรู้สึกของเธอ

แม้ว่ามาชิโระจะดูต่างจากคนอื่นๆ ที่เคยพบเห็นมา แต่เธอก็ดูเป็นกุลสตรี และเงียบขรึม จนบางทีรู้สึกว่าเหมือนเธอจะหายไปทั้งแบบนั้น หากไม่ค่อยสังเกตเธอดีๆ สิ่งนี้คือสิ่งที่โซราตะสัมผัสได้จากตัวเธอเมื่อแรกเห็น หากโซราตะไม่พยายามปกป้องเธอแล้วละก็ เธออาจจะไม่สามารถที่จะอยู่ในหอซากุระนี้ได้แน่ โซราตะจึงปฏิญาณที่จะคอยคุ้มครองเธอ

หลังจากเสร็จจากมื้อเย็นแล้ว มิซากิได้วาดภาพนักกายกรรม ซึ่งกำลังโหนตัวตีลังกากลับหลังอยู่บนบาร์เดี่ยว ลงไปในหนังสือเรียนภาษาอังกฤษ ซึ่งเธอไม่เคยแม้แต่จะเปิดอ่านมาตลอดสามปีที่เรียน เมื่อตั้งใจดูแล้วจะพบว่ารูปวาดนั้นเทียบได้กับระดับงานภาพในอนิเมเลยทีเดียว

ส่วนมาชิโระเองก็หยิบเอาสมุดร่างภาพขึ้นมาจากกระเป๋าเดินทางแล้วลงมือวาดแมวจำนวนเจ็ดตัวทิ้งไว้รอบๆ รูปภาพนั้นทำให้โซราตะสั่นสะท้าน แมวทั้งเจ็ดตัวนั้นดูเหมือนจะเคลื่อนไหวได้เหมือนกับแมวจริงๆ เลย

และการวาดภาพนั้นก็เริ่มล้ำเส้นไปบนผนังห้องชองโซราตะแล้วด้วย

กิจกรรมนี้ได้เลิกราไปเมื่อราวๆ ห้าทุ่มครึ่ง แต่โซราตะกลับถูกมิซากิบังคับให้เล่นเกมต่อ

โซราตะจำไม่ได้ว่าเขาผล็อยหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่อย่างน้อยก็มีปาฏิหาริย์ที่เมื่อตื่นมาแล้วไม่พบมิซากินอนอยู่บนเตียง เขาจำได้ลางๆ ว่าจินเป็นคนดึงเอามิซากิออกไปจากห้องแล้วบังคับให้กลับไปนอนห้องตัวเอง แต่โซราตะก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่าเป็นฝันหรือความจริงกันแน่

และเสียงที่ไม่คุ้นหูก็ดังขึ้นจากนอกห้อง โซราตะจึงเปิดประตูออกมาดูข้างนอก

เขามองออกไป

“~ว้าย!~” มิซากิร้องและกระโจนอย่างรวดเร็ว โซราตะคิดว่าเป็นเพราะเปิดเทอมหรือเปล่า มิซากิถึงได้ตื่นเต้นขนาดนี้ แต่กระนั้นแล้ว มันช่างไม่ยุติธรรมจริงๆ ทั้งที่โซราตะจำได้ว่าตัวเองถูกปู้ยี่ปู้ยำไปเมื่อคืน แต่มิซากิกลับหัวเราะร่าอย่างมีชีวิตชีวาได้ขนาดนี้ เพราะฉะนั้นโซราตะจึงตั้งใจที่จะส่องใต้กระโปรงของเธอเพื่อเป็นการเอาคืน สิ่งที่เห็นคือกางเกงในสีฟ้าน้ำทะเลอ่อน แต่โซราตะก็โดนจินเคาะหัวจากข้างหลังเอา

มิซากิหายไปแล้ว แต่ความเจ็บปวดที่หัวยังคงอยู่

“อย่ามาหื่นตั้งแต่เข้าสิ”

จินเดินจากไปทางห้องครัว โดยไม่ให้โอกาสโซราตะแม้แต่จะบ่นได้

จากนั้นจิฮิโระก็เดินมาหาเขา

“อาจารย์ตื่นเข้าจังนะครับ”

เวลานี้เพิ่งจะเจ็ดโมงครึ่งเท่านั้น ยังมีเวลาเหลืออีกเป็นชั่วโมงก่อนจะถึงเวลาเข้าเรียน

“คันดะ จำเอาไว้นะ คนเราจะแข็งแกร่งขึ้นได้ ถ้าได้รับประสบการณ์ที่หลากหลาย”

แม้ว่าโซราตะจะไม่เข้าใจความหมายของคำพูดนั้น แต่เขาคิดว่าน่าจะมีอะไรบางอย่างเกี่ยวข้องกับคำพูดที่เธอทิ้งเอาไว้เมื่อวาน แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะไม่คิดไปมากกว่านี้

“ช่วยดูแลมาชิโระให้หน่อยได้มั้ย? แค่พาเธอไปห้องพักครูเท่านั้นแหละ”

“ได้ครับ วันนี้เป็นวันแรก เดี๋ยวผมจะนำทางไปโรงเรียนเองครับ”

จิฮิโระยืดแขนแล้วเคาะไปที่แผ่นอกของโซราตะ

“ครับ?”

“นายจะดูแลให้จริงๆ ใช่มั้ย? นายจะรับผิดชอบเรื่องที่จะพาเธอไปกับนายใช่มั้ย?”

“ผมบอกว่าแล้ว ผมจะทำให้”

“ดีมาก งั้นฉันจะมอบหมายงานนี้ให้นาย!”

“อ่านะ ทำไมรู้สึกว่ามันทะแม่งๆ ชอบกล”

เขาคิดว่าจิฮิโระจะสวนใส่เขา แต่เธอเพียงแค่หันหน้าไปแล้วหัวเราะเบาๆ ว่า “หึ หึ หึ”



เมื่อจิฮิโระจากไปแล้ว โซราตะจึงแหงนหน้าขึ้นไปมองดูนาฬิกา ขณะนี้คือ 7:40 แล้ว

เนื่องจากเขายังไม่เห็นมาชิโระเดินลงมาเลย จึงคิดว่าไปปลุกเธอน่าจะดีกว่า

“ถึงชั้นสองจะห้ามไม่ให้ผู้ชายขึ้นไปก็เถอะนะ”

พื้นส่งเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดตามฝีเท้าโซราตะ ทำให้โซราตะว้าวุ่นใจเล็กน้อย ในมโนภาพของเขาเริ่มจะปรากฏเป็นภาพของมาชิโระในชุดนอนกำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่ เสียงพื้นลั่นเร่งให้เขาระวังตัวอย่างประหลาด

เพราะต้องรับมือกับมิซากิทุกวัน ทำให้โซราตะไม่ใช่ผู้ชายก็จะประหม่าเมื่อต้องพบปะกับเด็กผู้หญิง แต่กระนั้นแล้วใครจะนับว่ามิซากิเป็นเด็กผู้หญิงกันล่ะ? ยิ่งถ้ามีใครมาถามกับโซราตะแล้วละก็ เขาคงจะบอกว่ามิซากิเป็นมนุษย์ต่างดาวอย่างไม่ต้องสงสัย

เมื่อเท้าของเขามาหยุดที่หน้าห้องของมาชิโระ ความกังวลใจของเขาก็พุ่งมาถึงขีดสุด ท้องของเขาเริ่มปั่นป่วนเหมือนกับมากระจุกกันที่ศูนย์กลาง

“ฉัน...กลัว?”

เขาพยายามที่จะผ่อนคลายตัวเองลง แต่น้ำเสียงที่สงบนิ่งกลับดังขึ้นแล้วฟังดูแย่กว่าเดิม

“นี่! ชิอินะ! ตื่นหรือยัง เดี๋ยวก็สายหรอก”

โซราตะรู้สึกว่าการเรียกตรงๆ ไม่ได้ผลเท่าที่ควร

ไม่มีเสียงตอบกลับมา ทำให้เขาสงสัยว่ามาชิโระได้ยินหรือเปล่า

โซราตะจึงเปลี่ยนไปเคาะประตูเรียกด้วย

“ชิอินะ! ตื่นได้แล้ว! เฮ้อ ไม่ตอบกลับมาเลย”

เขาลงมือเคาะประตูให้ดังกว่าเดิม ก๊อก ก๊อก ก๊อก

แต่ความเป็นจริงก็คือมีเพียงความเงียบที่ได้รับกลับมา

เขาคว้าไปที่ลูกบิดประตู แต่ทันใดนั้นก็สำนึกในสิ่งที่กำลังจะทำ

“หยุด หยุด เดี๋ยวก่อนนะ นี่ไม่ใช่ห้องรุ่นพี่มิซากิสักหน่อย คงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ได้ล๊อค”

เพื่อที่จะยืนยันทฤษฎีของตัวเอง โซราตะจึงลองบิดลูกบิดเบาๆ แต่แล้วกลับไม่มีแรงต้านกลับมาแม้แต่น้อย

“บอกแล้วว่านี่ไม่ใช่ห้องของรุ่นพี่มิซากิ คงจะไม่เหมาะถ้าจะเปิดโดยไม่ขอก่อน...”

แต่ถึงจะพูดแบบนั้นก็ตาม แต่วันนี้คงจะไม่ได้เรื่องแน่ ถ้าใช้วิธีเรียกจากข้างนอก

“ก็คงไม่มีทางเลือกแล้วล่ะนะ”

ในที่สุดก็ได้ข้ออ้างที่จะบิดลูกบิดประตูนี้เข้าไป

เขาค่อยๆ บิดข้อมือ แล้วมองลอดผ่านหลีบประตูเข้าไป

“เห?”

ไม่มีคำนิยามใดๆ เขาเปิดประตูห้องออกด้วยความตกใจ

“นี่มันอะไรกันเนี่ย?”

ในทีแรก เขาคิดว่าตัวเองเปิดเข้ามาผิดห้อง จึงลองตรวจที่เลขห้องอีกครั้งหนึ่ง นี่คือห้อง 202 ไม่ผิดแน่ เป็นห้องของมาชิโระ ‘ถูกต้องนะคร้าบ!’

แต่แล้ว สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้า ช่างต่างกับห้องในความทรงจำเมื่อวานนี้อย่างสิ้นเชิง

บนพื้นห้องเต็มได้ด้วยกองเสื้อผ้า ชุดชั้นใน หนังสือเรียน และหนังสือการ์ตูน เกะกะเรี่ยราดเต็มไปหมดจนไม่เห็นพื้นพรม สภาพห้องไม่ต่างกับโดนพายุพัดมาหมาดๆ

หัวสมองของโซราตะผุดคำถามขึ้นมาว่า “นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย?”

ตามด้วยคำๆ หนึ่ง “ขโมย”

เลือดสูบฉีดขึ้นสู่สมองกะทันหัน เหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้า

“เฮ้ ชิอินะ!”

โซราตะถลาเข้าไปในห้องอย่างตื่นตระหนก

มาชิโระไม่อยู่ที่เตียงและพื้นห้อง เขามองไม่เห็นร่างของเธอแม้แต่น้อย

ยิ่งเขามองไปรอบๆ เท่าไหร่ ยิ่งรู้สึกตื่นตระหนกมากขึ้นเท่านั้น

สภาพห้องที่ยุ่งเหยิง แต่มาชิโระกลับไม่อยู่

นี่เป็นสถานการณ์คับขันอย่างแน่นอน

ขาทั้งสองข้างของโซราตะสั่นสะท้าน ทำให้เขาต้องคว้าโต๊ะเอาไว้เพื่อพยุงร่างกาย จอภาพสว่างขึ้นอย่างกะทันหัน ดูเหมือนเขาจะไปแตะโดนเมาส์เข้า

ด้วยแสงที่สว่างขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้โซราตะอุทานออกมาเบาๆ ด้วยความตกใจ

เขาจ้องมองมายังจอภาพด้วยความขุ่นเคือง

ในช่องปรากฏเป็นรูปวาดของชายหนุ่มรูปงามกำลังจีบหญิงสาว เขาโอบศีรษะของหญิงสาวเอาไว้แล้วค่อยๆ ยื่นหน้าเข้าใกล้อย่างช้าๆ งานภาพเหล่านี้ดูยอดเยี่ยมและถูกวาดด้วยความประณีต สัดส่วนร่างกายกันดูเหมาะสมทำให้ภาพนั้นไม่ดูสมจริงจนเกินไป แต่กระนั้นช่องสนทนาก็มากและยาวจนเกินไป

ไม่ว่าจะมองในมุมไหน สิ่งนี้คืองานร่างของการ์ตูนผู้หญิงไม่ผิดแน่

“ทำไมมาชิโระ...”

โซราตะยังคงไม่สามารถทำความเข้าใจต่อเหตุการณ์โดยรอบได้ หัวสมองของเขากำลังหยุด แต่บางสิ่งก็ขยับอยู่ที่เท้าของเขา

ด้วยความตื่นตระหนก เขากระเด้งตัวกลับหลังแล้วพยายามสังเกตบริเวณใต้โต๊ะด้วยความระแวดระวัง

บางสิ่งคุดคู้อยู่ในช่องว่างเล็กๆ ใต้โต๊ะ นั่นคือ ชิอินะ มาชิโระ ที่กำลังนอนหลับอยู่ภายใต้กองผ้าล่มและเสื้อผ้าต่างๆ อย่างเป็นสุข พื้นที่นั้นดูคล้ายคลึงกับรังของหนูแฮมสเตอร์

โซราตะถอนหายใจอย่างแรงด้วยความโล่งอก ดี... ยังไงก็แล้วแต่ ดีจริงๆ ที่ไม่ได้เป็นอะไร

เขามองไปรอบๆ ห้องอีกครั้งหนึ่ง

เขาค่อยๆ ประมวลความคิดอีกครั้งหนึ่งถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ทันใดนั้น บางสิ่งก็ได้ผ่าเข้ามาในความคิด ถ้านั่นไม่ใช่ขโมย คำตอบก็มีเพียงหนึ่งเดียว

‘เดี๋ยวก่อน ขอคิดสักแปปนะ’

โซราตะไม่ได้ต้องการที่จะประกาศออกมาให้ใครได้รับรู้ เขาหลับตาลงแล้วพยายามที่จะนึกหาถึงเหตุผลที่เหมาะสม

--- หรือเพราะว่าเธอไม่ใช่คนญี่ปุ่น

แต่ว่าคนชาติไหนที่จะเล่นเกมพายุหมุนบุกบ้านในห้องตัวเองล่ะ?

--- หรือว่าเธอจะนอนดิ้นกัน

แล้วนอนดิ้นแบบไหนถึงได้เป็นอย่างนี้? แถมยังไปนอนใต้โต๊ะด้วย

--- หรืออาจจะเป็นเพราะถูกมนุษย์ต่างดาวสะกดจิต

แต่ว่ามันไม่ได้ใกล้ความจริงเลยสักนิด

--- ถ้าเป็นแบบนี้ อาจจะเป็นเพราะทั้งหมดนี่คือฝันก็ได้ โซราตะ นายยังละเมออยู่ใช่มั้ย

‘อ่า นั่นสิ เข้าใจแล้ว นายพูดถูก อันนี้สิที่ดูจะน่าเป็นไปได้ที่สุด’ โซราตะพึมพำอยู่คนเดียว

เมื่อได้บทสรุปที่คิดเองเออเอง โซราตะก็ย้ายตัวเองออกไปจากห้องของมาชิโระ

เขาปิดประตูห้องแล้วสูดหายใจเข้าอย่างเต็มปอด

ถึงเวลาที่จะตื่นจากฝันสักที

เขายืนทำใจสักครู่ แล้วเปิดประตูห้องเข้าไปอีกครั้งหนึ่ง

จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมารับความเป็นจริง ห้องนั้นไม่ได้เปลี่ยนไปจากที่เห็นในครั้งแรก

ภาพทิวทัศน์ที่ปรากฏนั้น คือห้องที่ไม่น่าจะมีใครอาศัยอยู่ได้

ถึงจะบอกว่ามาชิโระนั้นต่างจากคนปกติอยู้บาง แต่โซราตะเอมาตลอดว่าเธอน่าจะอยู่ในกลุ่มคนปกติแบบเขา ซ้ำยังคิดไปด้วยว่าเธอเปรียบเสมือนแหล่งพักพิงของจิตวิญญาณแห่งเดียวที่มีอยู่ที่นี่

“...พระเจ้าครับ ผมทำอะไรผิด?”

ถึงจะรู้สึกท้อแท้ แต่โซราตะก็พยายามเดินผ่านช่องว่างเล็กๆ ท่ามกลางกองเสื้อผ้าและชุดชั้นในไปถึงโต๊ะ สำหรับเด็กหนุ่มมัธยมปลายสุขภาพดีแล้ว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเสื้อผ้าสตรีที่กระจัดกระจายไปทั่วแบบนี้แล้ว คงรู้สึกแหยงๆ ไปบ้าง โดยเฉพาะกับกางเกงในที่ตำตาอยู่ เป็นจุดที่เลวร้ายที่สุด

เขาพยายามที่จะไม่มอง แต่ภาพที่เห็นก็ยังฝังอยู่ในมโนภาพอยู่ดี

โซราตะชันเข่าลงแล้วพยายามเรียกมาชิโระ

“อืม... คุณชิอินะครับ? ตื่นไหวมั้ยครับ?”

เธอไม่ตอบกลับ

“นี่ นี่”

“...”

แต่ที่ได้ยินก็มีเพียงเสียงลมหายใจจากการนอนหลับ

“ผมจะดีใจมากๆ เลยนะครับ ถ้าคุณจะช่วยตื่นขึ้นมา”

“...”

ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่น โซราตะจึงพยายามดึงชายผ้าห่มออก แต่เพราะมาชิโระกอดเอาไว้แน่น เขาจึงต้องปล่อยมือ แล้วไปเขย่าตัวเธอจากหัวไหล่แทน

“นี่ เช้าแล้วนะครับ ถึงเวลาตื่นได้แล้ว”

“...ตอนเช้าไม่มีทางมาหรอก”

“ไม่ใช่ ไม่ใช่ นี่แหละเช้าแล้วครับ! อย่าพูดเรื่องสยองขวัญสิ”

มาชิโระยกศีรษะที่จมอยู่ใต้กองเสื้อผ้าและชุดชั้นใน มองแบบลอยๆ มาที่โซราตะครู่หนึ่ง เกือบหนึ่งนาทีผ่านไป ในที่สุดเธอก็สบตามายังโซราตะ

“อรุณสวัสดิ์”

“...”

มาชิโระในทรงตื่นนอนมุดกลับเข้ารังแฮมสเตอร์อีกครั้งหนึ่ง

“ถ้าเธอลงไปนอนอีกรอบ เธอจะต้องเจอดีแน่ๆ! ถ้าเธอจะสายตั้งแต่วันเปิดเทอมละก็นะ”

“...เข้าใจแล้ว ตื่นก็ได้”

“เธอนี่ มีเหตุผลกว่าที่คิดนะ”

มาชิโระค่อยๆ คลานออกจากใต้โต๊ะแล้วยืนขึ้นด้วยอาการเหม่อลอย

ผ้าห่มและเสื้อผ้าตกลงจากตัวของเธออย่างช้าๆ

ภาพหัวไหล่ของเธอปรากฏสู่สายตาเป็นสิ่งแรก  จากนั้นเป็นแขนที่เนียนนุ่ม หน้าอกได้ขนาดและรูปร่างที่พอดี สะโพกที่แสนบอบบาง ต้นขาที่โค้งได้รูป ทุกๆ สัดส่วนประจักษ์แก่สายตาของโซราตะ

และในทันทีนั้น เลือดลมของโซราตะก็พุ่งพล่านเหมือนกับกาน้ำเดือด


0 comments: