Saturday, October 26, 2013


[Spoil + Review] Outbreak Company 2




และด้วยความช่วยเหลือของลุงที่เป็นคนมาสัมภาษณ์ หัวของพระเอกเราก็ยังวางอยู่บนบ่าเหมือนเดิม



แต่ไม่ทันไร สกิลปากของพระเอกก็ดันทำงานอีกแล้ว



แต่ดันไปถูกใจราชินีน้อย ก็เลยรอดตัวไปได้อีกครั้ง

และแน่นอนว่า ตอนนี้พระเอกของเราก็ได้รับการแต่งตั้งให้ดูแลการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่ต่างโลกอย่างเป็นทางการสักที



โดยงานแรกก็คงจะเป็นสอนหนังสือให้เมดล่ะมั้ง?



สร้างฐานบัญชาการ



สอนจิ้งเหลนเล่นมาริโอ้



แต่เนื่องด้วยสกิลปากที่พระเอกทำงานไปเมื่อครั้งก่อนตอนไปเข้าเฝ้า ทำให้ราชินีน้อยสนใจ และตามมาเล่นด้วย

งานใหญ่งานแรกของพระเอกเลยเป็นการอ่านการ์ตูนให้ราชินีน้อยฟัง



*และมีของแถมอีกเล็กๆ น้อยๆ เป็นค่าตอบแทน?



*และ Maid Service อีกนิดหน่อย



แต่ความสุขมันดำเนินไปไม่นานเท่าไหร่ ก็มีประเด็นขึ้น เพราะเมดได้รับการสอนหนังสือ ในขณะที่ราชินีน้อยยังอ่านหนังสือไม่ออก

ทำให้ราชินีน้อยไม่พอใจขึ้นมา



เลยจัดการจองที่นั่งส่วนตัวซะเลย :P



หลังจากที่พายุลูกแรกผ่านไป ก็เกิดประเด็นที่น่าสนใจขึ้นมา คือพระเอกของเรากำลังเดินเหนื่อยเข้าห้องครัว แต่พอดีไฟไม่ได้เปิดเลยมองไม่ค่อยเห็น

แต่ก็ไปสะดุดเข้ากับตาแบบสัตว์ป่าของคนใช้ที่เป็นมนุษย์กิ้งก่าเลยเผลอตกใจทุบตีคนใช้เข้า เมื่อพระเอกตาชินกับความมืดและตั้งสติได้ก็ขอโทษยกใหญ่

แต่นอกจากมนุษย์กิ้งก่าจะไม่โกธรแล้ว ยังบอกว่า ถ้าอยากให้ตนเจ็บ ก็ใช้ไม้ตีก็ได้ (WTF?)



หลังจากนั้นเมดที่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายก็วิ่งเข้ามา แต่แทนที่จะเป็นห่วงคนใช้ที่ถูกทุบตี กลับเข้ามาดูอาการของพระเอกก่อน เพราะมือเป็นแผลจากการไปทุบเกล็ดของมนุษย์กิ้งก่า โดยให้เหตุผลว่า ระหว่างคนใช้กับเจ้านาย เจ้านายก็ต้องมาก่อน (โดยไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องผู้ทำร้ายและผู้ถูกทำร้าย)



หลังจากนั้น พระเอกก็ออกมาสำรวจเมือง และเก็บข้อมูล การดำรงชีวิต สังคมของชาวเมือง ก็ได้พบว่าที่นี่ มีการฝึกทหารกันตั้งแต่วัยเด็ก

เมื่อสอบถามใจความกับพวกเด็กๆ ก็พบว่าเด็กพวกนี้ ไม่มีโอกาสที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเท่าที่ควร เนื่องจากยามปกติ หากไม่มาฝึกทหารก็ต้องไปทำไร่ทำนา และนอกจากนี้ คนธรรมดาจะไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสืออีกด้วย มีพวกขุนนาง นักปราชญ์ และชนชั้นสูงเท่านั้นที่จะมีโอกาสได้เรียน



กลับมาที่ชั่วโมงอ่านการ์ตูนของราชินีน้อย ราชินีโลลิก็กลับมาใช้ที่นั่งตัวโปรดที่เดิม



แต่เมดดันมาเสริฟน้ำชาผิดเวลาไปหน่อย เป็นการขัดจังหวะความสุขของราชินีน้อย นั่นทำให้เชื้อไฟแต่เดิมที่มันกรุ่นๆ มาตั้งแต่คราวที่แล้ว ลุกโชนขึ้นมาเป็นไฟกองใหญ่

ซึ่งราชินีน้อยก็ด่ากราดไปชุดใหญ่ โดยยกเอาประเด็นในเรื่องเผ่าพันธ์ขึ้นมาเหยียบย่ำ (เมดเป็นฮาล์ฟเอลฟ์) โดยกล่าวว่าพวกฮาล์ฟเอลฟ์นั้น เป็นเอลฟ์ก็ไม่ใช่ มนุษย์ก็ไม่เชิง ทั้งต่ำต้อยและสกปรก อาหารที่ทำจากมือของฮาล์ฟเอลฟ์ก็มีแต่จะแปดเปื้อน ไม่สามาถกินได้

แต่คำด่าของราชินีน้อยดันไปสะกิดความหลังของพระเอก ที่เคยโดนปฏิเสธการสารภาพรักด้วยเหตุผลว่าเพราะตัวเองเป็นโอตาคุ ทำให้พระเอกเริ่มขึ้น



จนกระทั้งบรรยากาศมาถึงขีดสุด ราชินีน้อยก็เตรียมตัวจะปาขนมปังใส่เมด



พระเอกของเราก็เข้าดาร์คโหมด คว้าข้อมือของราชินีน้อยเอาไว้โดยไม่กลัวว่าตัวเองจะแขนขาด (เพราะโดนสั่งตัด)



*โหดขริง



แต่ก็ฟื้นสติก่อนที่จะทำอะไรไปมากกว่านั้น ทำให้ราชินีน้อยไม่ถือโทษ โดยพระเอกของเราก็พยายามยกเอาเรื่องวัฒนธรรมขึ้นมาพูด โดยเล่าว่าที่บ้านเมืองของตัวเองนั้น ไม่มีการแบ่งแยกชนชั้น มีแต่ความเท่าเทียมและอิสระ แต่พูดไป ราชินีน้อยก็ยังไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ แต่ก็ประทับใจในความกล้าที่พระเอกคิดจะสอนราชินีน้อย จึงยอมให้คราวนี้ไปก่อน



หลังจากนั้น เมื่อเรื่องตอนกลางวันผ่านไปได้ด้วยดี เมดฮาล์ฟเอลฟ์ได้ แอบมาอ่านการ์ตูนเรื่องนึงอย่างเงียบ โดยเป็นการ์ตูนที่สะท้อนกับชีวิตของตัวเองที่เป็นเพียงชนชั้นต่ำสุด ไม่ได้รับโอกาสใดๆ ในชีวิต อ่านไปก็น้ำตาไหลไป ที่การ์ตูนเรื่องนี้ได้เขียนให้ตอนจบที่นางเอกเป็นเพียงทาสได้สมหวังกับชนชั้นสูง



พระเอกที่เห็นภาพรวมคร่าวๆ ของโลกที่ความไม่เท่าเทียมกันของชนชั้นต่างถือเป็นเรื่องปกติ ทำให้พระเอกเริ่มที่จะยอมรับไม่ได้ และความปราถนาที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงโลกนี้ได้เริ่มก่อตัวอย่างเงียบๆ

จบไปกับตอน 2 นะครับ สำหรับคนที่ดูไปตอนแรกแล้วดรอป ขอให้ลองตามต่ออีกตอนนึงนะครับ จะเข้าใจจุดประสงค์ของการนำเสนอเรื่องนี้มากขึ้น

สำหรับเรื่องนี้ ผมกำลังจะเอาขึ้นหิ้ง "การ์ตูนที่อยากจะแนะนำให้กับคนที่ไม่เคยดูการ์ตูน" โดยเรื่องที่ผมขึ้นหิ้งแนะนำเอาไว้ก็มี Ano Hana, Angel Beats!, Sakurasou, Spice and Wolf แล้วเรื่องนี้ก็จะตามมา แต่รอดูให้จบก่อน ให้แน่ใจว่าจะไม่ตกม้าตายไปก่อน

ยังไงก็แนะนำให้ดูนะครับ [:thumbup:]

By: LoneLy-woLf

0 comments: