Part
3
-----------------------------------------------------
จะพาเธอกลับไปหอทั้งแบบนี้เลยดีมั้ยน้า?
ชิอินะ
มาชิโระ เดินด้วยความที่แทบไม่กระเตื้องไปไหน โซราตะต้องใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ
ทุกครั้งที่มองดูใบหน้าของเธอ
ร่างกายของมาชิโระนั้นดูอ้อนแอ้น
น้ำเสียงเบาหวิว ดูเงียบเชียบ สุขุมเรียบร้อย มีท่าทางที่สงบนิ่ง และไม่แสดงอารมณ์ทางสีหน้า
การที่ต้องมาอยู่ข้างๆ
เธอนั้นเหมือนกับการอยู่ข้างๆ แผ่นน้ำแข็งบางๆ ที่พร้อมจะแตกได้ทุกเมื่อ
ตัวตนของเธอนั้นเหมือนกับงานแก้วประณีตและแสนจะละเอียดอ่อน
พร้อมที่จะแตกสลายยามเมื่อถูกสัมผัส
ทั้งหมดนี่คือความรู้สึกเมื่อแรกเห็นตัวตนของมาชิโระ
จู่ๆ
เธอก็เอ่ยขึ้นมา
“[โซราตะ]ก็ฟังดูดีนะ”
“เอ๋?”
“ฟังดูเพราะดี
ฉันชอบนะ”
โซราตะนั้นถูกทำให้หลงเสน่ห์เข้า
เพราะมาชิโระนั้นเป็นสาวน้อยที่ไร้เดียงสา
โซราตะคิดว่าตัวเธอนั้นไม่เหมาะกับบรรยากาศของหอซากุระแม้แต่น้อย
หอซากุระนั้นคือแห่ลงรวบรวมเด็กนักเรียนที่อยู่เหนือไปจากสามัญสำนึกปกติ
ผู้ที่เกือบจะหลุดพ้นจากขอบเขตของมนุษย์ รังของเหล่าหมนุษย์ที่ไม่ปกติ
ไม่ว่าจะเป็น
คามิกุสะ มิซากิ ที่เป็นมนุษย์ต่างดาว อาคาซากะ ริวโนะสุเกะ ที่เป็นพวกเก็บตัว
มิทากะ จิน จักรพรรดิคาสโนว่า หรือแม้กระทั้งอาจารย์ เซ็นโกคุ จิฮิโระ
ก็เป็นคนที่เกลียดเรื่องยุ่งยากและชอบทำตามใจตัวเองอยู่เสมอ
เพราะว่าจินที่อยู่กับพวกเขาที่สถานีรถไฟเมื่อก่อนหน้านี้
ได้กลับไปแล้ว
โซราตะจึงต้องถูกทิ้งไว้ให้อยู่กับเด็กสาวที่เจอกันครั้งแรกตามลำพัง
ยิ่งเขาต้องการที่จะเอ่ยอะไรดีๆ
ออกมามากเท่าไหร่ บทสนทนาก็ยิ่งถูกจำกัดให้ยากขึ้นเท่านั้น
นอกจากนี้ก็เป็นเพราะประโยคล่าสุดที่เอ่ยออกมาจากปากของมาชิโระด้วย
ใบหน้าของโซราตะจึงถูกย้อมให้เป็นสีลูกตำลึง
แต่นั้นเพราะสถานการณ์ที่บีบบังคับ
โซราตะจึงจำเป็นต้องใส่เต็มแรง
“แล้ว...”
“หืม?”
“เธอจะเข้าเรียนที่ซุยโกะเหรอ?”
มาชิโระส่ายหน้าให้เล็กน้อย
“ย้ายเข้ามาน่ะ”
“อ๋อ
ถ้างั้น...เธอก็อยู่ม.5 ใช่หรือเปล่า?”
แต่คราวนี้เธอพยักหน้าให้ช้าๆ
“พวกเราเรียนอยู่ปีเดียวกันน่ะ”
เธอกรอกดวงตาที่สงบนิ่งของและมองเขาจากหางตาด้วยสีหน้านิ่งเรียบ
โซราตะหลบหน้าด้วยความเขินอาย
พวกเขาเดินต่อไปยังหอซากุระแล้วไม่ได้พูดอะไรกันต่อ
‘ฉันคงทำได้แค่เป็นโล่ให้เธอเท่านั้นเองล่ะนะ
ศัตรูพวกนี้คงจะจัดการไม่ได้ง่ายๆ แน่’ โซราตะคิดในใจ
เบื้องหน้าที่เห็นคือหลังคาของหอซากุระ
—
เมื่อทั้งสองคนเดินมาถึงหอซากุระ รถบรรทุกขนของที่จอดอยู่ ก็เริ่มสตาร์ทเครื่องที่ส่งเสียงบาดแก้วหูให้ได้ยิน จากนั้นก็ออกตัวไปหายลับไปทางสถานี
โซราตะช่วยมาชิโระขนของไปไว้ที่ข้างประตู
“เข้ามาสิ”
โซราตะพูดพร้อมไปนำทางเธอเข้ามายังหอพัก
ไม่ทันไร
มิซากิก็ได้พุ่งตัวลงมาจากชั้นที่สองด้วยความเร็วดุจประหนึ่งเสือชีตาร์ไล่ล่ากวางน้อย
เธอกระโดดลงมาแล้วย่อตัวลงใช้เข่าลดแรงกระแทกเหมือนกับแมวป่า
“~ยินดีต้อนรับสู่หอซากุระจ้า~”
มิซากิหยิบไส้กรอกขึ้นมาถือแล้วฟาดใส่โซราตะที่ยืนอยู่ข้างมาชิโระอย่างจัง
โซราตะที่ถูกจู่โจมได้ทำการสวนกลับไปด้วยท่าฟาดสันมือใส่แขนของเธอก่อนที่จะจู่โจมได้สำเร็จ
“หวา!
ทำอะไรกับสาวบริสุทธิ์น่ะ!”
“ถ้ารุ่นพี่จะเรียกตัวเองว่าสาวบริสุทธิ์
ก็ช่วยเลิกแอบเข้ามานอนในห้องผมสักทีนะครับ!”
“~ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่า! ฉันยังไม่เคยโดนจูบแม้แต่ทีเดียว
เพราะฉะนั้นนี่น่ะเป็นของใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยน้า~”
มาชิโระมองพวกเขาด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
“เป-เปล่านะ
รุ่นพี่ก็เป็นแค่รุ่นพี่เท่านั้นแหละ พวกเราไม่ได้ทำอะไรน่าสงสัยกันหรอกนะ!
เพราะฉะนั้นอย่าเข้าใจผิดไปทางนั้นเด็ดขาดเลยนะ เข้าใจมั้ย?”
“~หืม? อะไรกัน? รุ่นน้องเริ่มเหล่มาชิโระงั้นเหรอเนี่ย?~”
“ไม่ใช่นะ! แต่เดี๋ยว... รุ่นพี่รู้จักชิอินะด้วยเหรอครับ?”
“อืมม
อย่ามัวแต่ยืนอยู่ตรงนี้เลย รีบเข้ามาก่อนสิ แล้วพาเธอไปที่ห้องเลยนะ”
“ก็รุ่นพี่ไม่ใช่เหรอครับ
ที่มายืนขวางทางน่ะ!”
“~ในที่สุด ฉันก็ได้เพื่อนบ้านแล้ว!
เธอจะมาค้างที่ห้องฉันหรือเชิญฉันไปค้างที่ห้องเธอหรือเปล่านะ?
เราจะได้มาคุยเรื่องรักวัยหนุ่มสาวกันหรือเปล่า? ว้าย ตื่นเต้นจังเลย!~”
โซราตะดันตัวมิซากิที่กำลังกระดี้กระด๊าอยู่ให้หลบไป
แล้วพามาขิโระขึ้นไปที่ชั้นสอง ซึ่งปกติห้ามไม่ให้ผู้ชายขึ้นไป
ป้ายแขวนหน้าประตูห้องเบอร์
202 เขียนไว้ว่า “ห้องของมาขิโระ” พร้อมกับมีลายการ์ตูนตกแต่งน่ารัก
“~ฉันทำเองเมื่อคืนล่ะ~”
มิซากิอยู่ดีๆ
ก็โผล่ขึ้นมาประชิดตัวทั้งสองคน
“รุ่นพี่เอาแต่เล่นเกมตั้งแต่เมื่อคืนต่างหากล่ะครับ”
แต่ก็ไม่เกิดผลอะไรกับมิซากิ
เธอเปิดประตูห้องออกโดยเมินเจ้าของห้องที่อยู่ข้างๆ
“แกร๊ก!”
ห้องที่ว่างเปล่าเบื้องหน้าเขา
ชวนให้นึกถึงความทรงจำเมื่อแรกเข้ามายังที่แห่งนี้ มีเพียงเตียงนอนหนึ่งหลัง
โต๊ะเครื่องแป้ง โต๊ะทำงาน คอมพิวเตอร์พร้อมจอภาพ
และเสื้อผ้าบางส่วนในกระเป๋าเดินทางที่ถูกวางไว้อย่างเป็นระเบียบ
“~เป็นยังไงล่า? ฉันทำงานเจ๋งไปเลยใช่ม้า ระหว่างที่นายไม่อยู่
ฉันก็จัดการเรียบร้อยหมดเลย บริษัทขนส่งยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว! ทำงานแบบเป็นมืออาชีพจริงๆ!~”
มิซากิปล่อยออร่าดอกไม้
ยืดอกด้วยความภาคภูมิใจเหมือนทำงานเองทุกอย่าง
“รุ่นพี่ไม่ได้ทำอะไรเลยไม่ใช่เหรอครับนั่น”
“~ฉันคอยจับตาดูพวกนั้นอย่างตั้งใจเลยล่ะ~”
มาชิโระที่กำลังจะเดินเข้าไปดูห้อง
มองทั้งสองคนที่กำลังเถียงกันด้วยสายตาที่เลื่อนลอย
“ชิอินะ...
เธอตั้งใจจะอยู่ที่นี่จริงๆ เหรอ?”
“อืม”
เสียงของเธอเล็กและเบาจนเหมือนกับเสียงกระซิบ
แต่กลับกังวานใสและไพเราะอย่างน่าเหลือเชื่อ สิ่งที่ทำให้ขัดกันก็มีเพียงอารมณ์ที่แฝงออกมากับเสียงของเธอนั้นไร้ซึ่งชีวิตชีวา
โซราตะตื่นเต้นเพียงได้แค่มองดูเธอจากข้างๆ
อารมณ์ที่เกิดขึ้นมาจากภายในนั้นทำให้เขาสงสัยว่ามันคืออะไรกันแน่?
“~อ้า ดีใจจริงๆ เลย ที่ได้เพื่อนร่วมชั้นเรียนศิลปะแล้ว~”
“ชิอินะ
เธออยู่ชั้นเรียนศิลปะเหรอ?”
“อืม”
มาชิโระตอบน้ำเสียงเรียบ
“~รุ่นน้องอ่อนต่อโลกเกินไปแล้วนะ เธอไม่รู้อะไรจริงๆ ข้อมูลข่าวสารนะ
เป็นกุญแจสู่ชยชนะในโลกยุคใหม่นี่นะ เธอจะต้องแพ้ในทุกๆ การแข่งขันแน่ๆ
น่าเสียใจจริงๆ ฉันจะต้องจับเธอมัดเอาไว้แล้วล่ะ!~”
โซราตะยุติหัวข้อใหม่ด้วยการตอบมิซากิอย่างง่ายๆ
ว่า ‘ช่างมันเถอะครับ’ แล้วพยายามวกกลับเข้าสู่หัวข้อเดิม
“แล้วรุ่นพี่รู้อะไรบ้างล่ะครับ?”
“~มาชิโระน่ะนะ เป็นคนดังมากๆ ในวงการศิลปะร่วมสมัยน่ะ! เค้าลือกันว่าเธออยู่ที่อังกฤษมาตั้งแต่เด็กๆ เพื่อที่จะได้เรียนสุดยอดวิชาด้วยนะ!”
ตีความได้ว่าเธอไปอยู่ที่อังกฤษแล้วก็กลับมาที่นี่
เพราะฉะนั้นจังหวะการพูด กิริยาท่าทาง หรือ บรรยากาศพิเศษรอบๆ ตัวเธอ
เกิดจากการที่อยู่ต่างประเทศเป็นเวลานาน
“~รูปภาพของนิทรรศการในห้องศิลป์ของเธอได้รับรางวัลด้วยนะ! รูปของเธอต้องขายได้แพงมากแน่ๆ เลย~”
จากเท่าที่เห็น
มาชิโระไม่ได้ปฏิเสธเลยแม้แต่น้อย เพราะฉะนั้นทั้งหมดนี้อาจจะเป็นเรื่องจริง
ยังไงก็แล้วแต่
โซราตะก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับงานศิลปะเท่าไหร่
“แล้วถ้าเปรียบเทียบกับชินคันเซ็นแล้วล่ะครับ?”
“~เธอก็ต้องเป็นโนโซมิน่ะสิ!~” (โนโซมิ คือรถไฟที่เร็วกว่าชินคันเซ็น
เรียงลำดับคือ ชินคันเซ็น ฮิคาริ โนโซมิ)
“นั่นมันยอดไปเลย”
มิซากิใช้มือทั้งสองข้างเท้าสะเอวไว้
แล้วก็แสดงท่าทางว่ากำลังภูมิใจมากๆ ว่า ‘เป็นยังไงล่ะ? น่าตื้นตันใช่มั้ย?’
“นั่นก็เพราะรุ่นพี่เรียนอยู่ชั้นศิลปะอยู่แล้วนี่ครับ”
“~ทำไมล่ะ?~”
“ก็เพราะแบบนั้นรุ่นพี่ถึงรู้เรื่องชิอินะ”
“เปล่าหรอก
ฉันได้ยินมาจากจิฮิโระเมื่อวานต่างหาก”
“แบบนั้นแล้วยังจะเบ่งได้อีกนะครับ!”
“~ยังไงฉันก็ยังชนะอยู่ดี
ต่อให้รู้ก่อนนายแค่วินาทีเดียวก็ยังถือว่าชนะยังไงล่ะ ว่ะ ฮะ ฮะ ฮะ ฮ่า!~”
โซราตะใช้สันมือสับเข้าที่กลางกระหม่อมของมิซากิโทษฐานยิ้มยียวน
แต่มิซากะป้องกันไว้ได้
“~ท่าเดียวกัน ใช้กับฉันซ้ำสองไม่ได้หรอกน่า~”
‘งั้นก็ขอหลังมือใส่หน้าผากหน่อยก็แล้วกัน’
“~โอ้ย! รุ่นน้อง มันเจ็บนะ นายเป็นเด็กอนุบาลที่ชอบไปขยำหน้าอกผู้หญิงเล่นเหรอไงเล่า?~”
“ผมไม่รู้เรื่องแบบนั้นกับรุ่นพี่หรอกครับ
มีแต่ความหมั่นไส้เท่านั้นแหละ!”
“~รุ่นน้องก็แค่อยากจะโกงอายุตัวเองเท่านั้นแหละ ฉันรู้น่า
ว่ารุ่นน้องชอบทำตัวให้เหมือนผู้ใหญ่! แต่ว่าการโกหกน่ะ
มันไม่ดีนะ! เมื่อกี้นี้
รุ่นน้องก็ยังแอบเข้าไปในห้องอาบน้ำรอดูฉันโป๊ใช่มั้ยล่ะ
แถมยังเลือดกำเดาพุ่งเลยด้วย!
แสดงว่ารุ่นน้อยต้องตื่นเต้นเวลาเห็นฉันตอนแก้ผ้าอาบน้ำแน่ๆ! เขินล่ะสิ... น่ารักจริงๆ เลย!~”
“อะไรเล่า!?
นั่นก็เพราะรุ่นพี่ไม่สนใจการแบ่งเวลาอาบน้ำกันต่างหาก! ผมน่ะตกเป็นเหยื่อแหละ ไม่ใช่รุ่นพี่หรอก! รุ่นพี่ต้องคืนเม็ดเลือดแดงมาให้ผมด้วย!”
“~เห็นฉันโป๊เนี่ย มันสุดยอดเลยใช่มั้ยล่ะ!~”
“ต่อให้ไม่โป๊
ก็สุดยอดอยู่แล้วล่ะครับ!”
เมื่อโซราตะรู้สึกตัวขึ้นมาว่ามาชิโระเองก็อยู่ด้วย
เขาจึงหันไปมองเธอด้วยสายตาหวาดระแวงระคนตกใจ
ที่และตกใจยิ่งกว่าคือมาชิโระมองดูพวกเขาด้วยสายตานิ่งเฉยและเลื่อนลอย
“อ่า
เธอไม่ตกใจเหรอ?”
“ทำไมล่ะ?”
“ก็เรื่องที่พวกเราพูดกันเมื่อกี้”
มาชิโระเอียงคอ
และทำหน้าสงสัย
โซราตะกลายเป็นใบ้ไปชั่วคราวเมื่อต้องมนตร์สะกดแห่งความน่ารัก
“~ให้ตายเถอะ นี่มันน่ารักเกินไปแล้ว... รุ่นน้องตั้งใจจะพูดแบบนี้สินะ
ใช่มั้ยล่ะ? นี่มันแจ่มแจ้งจริงๆ~”
“ถึงรุ่นพี่จะเข้าใจแล้วก็เถอะ
แต่ช่วยเงียบๆ หน่อยไม่ได้เหรอครับ!?”
โซราตะกำมือแล้วระดมปั่นใส่ศีรษะมิซากิ
(ใครนึกไม่ออก ให้นึกถึงท่าที่มิซาเอะกำหมัดแบบบีบขมับชินจัง)
“โอ้ย
โอ้ย โอ้ย โอ้ย โอ้ย โอ้ย!”
“พวกเธอยังสนิทกันไม่เปลี่ยนเลยน้า”
โซราตะหันหน้าไปทางต้นเสียง
พบว่าจิฮิโระใช้ท่าเดินแบบซอมบี้เดินเข้ามา
ดูเหมือนว่าที่โซราตะสาปส่งไปจะได้ผลชะงัด เพราะในนัดเดทล้มเหลวไปตามคาด
และอีกคนหนึ่งที่เดินตามหลังมาก็คือจิน
ที่แอบทิ้งโซราตะไว้ที่สถานีตามลำพัง จินดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ดีเท่าที่ควร ทั้งสองมือของเขาพะรุงพะรังไปด้วถุงใส่กับข้าวสำหรับหม้อไฟ
ขนม และน้ำผลไม้
เมื่อเขาสบตากับโซราตะ
จินก็ส่งยิ้มละเอียดละไมจากมุมปาก
“ของพวกนี้สำหรับงานเลี้ยงต้อนรับของมาชิโระไง”
“อาจารย์
กลับมาเร็วจังนะครับ หาว่าที่สามีไม่เจองั้นเหรอครับ?”
“อย่ามาดูถูกฉันนะ
หมอนั่นน่ะ ไม่ใช่หมอด้วยซ้ำ!
พวกนั้นมาหลอกกันซะได้! กล้าโกหกเรื่องงานที่ทำ”
“อาจารย์เองก็โกงอายุ
คงไม่ได้ดีกว่ากันเท่าไหร่หรอกนะครับ”
“งั้นเหรอจ๊ะ! สงสัยว่าฉันจะได้ศพแรกแล้วสินะ”
“~จิฮิโระ จัดการเลย รุ่นน้องบอกว่าถ้าเธอหาว่าที่สามีไม่ได้
เขาจะเป็นให้เองน่ะ~”
“ไม่เคยพูดสักหน่อย!”
“เธอพูดถูกนะ
อีกสักห้าปีคงจะพอไหวอยู่”
“ไม่มีทางครับ!”
“แต่ว่า
ฉันไม่คิดว่าเธอจะยอมมาด้วยนะ”
จิฮิโระเบนสายตามายังมาชิโระ
เธอมองมาชิโระอย่างพิจาราณา และมั่นใจว่าเป็นหลานสาวของเธอ
“อืม”
มาชิโระตอบด้วยน้ำเสียงที่เบามาก
“อาจารย์ครับ
ผมขอถามอะไรหน่อยนะครับ?”
“ตอนนี้ฉันอยากจะอัดคนมากๆ
เพราะงั้นขอสั้นๆ ล่ะ”
“งั้นคำถามเดียวก็ได้ครับ”
จริงๆ
แล้วโซราตะมีที่อยากจะถามมากกว่านี้
อย่าเช่นว่าทำไมคนที่เรียนศิลปะจากเมืองนอกมาถึงอยากจะมาเรียนต่อที่นี่?
หรือไม่ก็คำถามเกี่ยวกับพ่อแม่ของเธอ
โซราตะเลือกคำถามที่สงสัยมากที่สุดจากหัวสมองของเขา
“ทำไมชิอินะถึงได้ย้ายมาอยู่หอซากุระครับ?
หอพักธรรมดาเองก็น่าจะยังมีห้องว่าเหลืออีกนี่ครับ”
“ต้องอธิบายให้ฟังด้วยเหรอ?”
“อ่า
ไม่รู้สิครับ”
“นั่นก็เพราะว่าทีนี่
เหมาะกับมาชิโระมากที่สุดแล้วยังไงล่ะ”
“หา?”
“เดี๋ยวพวกเธอทั้งหมดก็จะเข้าใจเอง
โดยเฉพาะนาย”
สุดท้ายแล้ว
โซราตะเองก็ยังไม่เข้าใจถึงเธอผลเบื้องหลังจิฮิโระที่ขยิบตาให้
0 comments: