Sunday, November 3, 2013


Sakurasou no Pet na Kanojo Thai Translation - Chapter 1 Part 2

Part 2
-----------------------------------------------------
เส้นทางที่เร็วที่สุดที่จะไปถึงสถานีรถไฟจากหอซากุระคือการเดินผ่านย่านการค้าอิฐแดง สถานที่อันแสนเก่าแก่ ย้อนยุคและน่าทึ่ง ด้วยความที่โซราตะเกิดและเติบโตที่นี่ ทำให้เขามีความทรงจำกับถนนสายนี้ตั้งแต่ยังเด็ก เพราะฉะนั้นแล้ว ผู้คนที่อยู่ที่แห่งนี้จึงได้ทักทายเขาอย่างคุ้นเคยและเป็นกันเองยามเดินผ่านถนนสายนี้
ชาวประมงได้ทักทาย
“โอ้ คันดะนี่นา ปลาแมคเคอเวลวันนี้สดดีนะ”
คนขายเนื้อที่อยู่ห่างออกไปอีกฝากก็ได้ทักทายเช่นกัน
“โย่ โซราตะ วันนี้จะซื้ออะไรดีล่ะ? มีไก่ทอดด้วยนะ เอาหน่อยมั้ย”
โซราตะไม่ได้ซื้ออะไร แต่รับไก่ทอดจากคุณป้าผู้ใจดีที่ยกให้ฟรีๆ
“ไง โซราตะ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน นายเรียนอยู่ที่ซุยโกะใช่หรือเปล่า?”
คนนี้คือเพื่อนเก่าจากโรงเรียนมัธยมต้น ซึ่งตอนนี้เขาได้งานดูแลร้านขายผักอยู่
ความเป็นมิตรในหมู่เพื่อนบ้าน แม้จะไม่สามารถหาได้ในชุมชุนเมือง แต่ไม่ใช่ที่นี่
การทำถนนใหม่อาจจะไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์เท่าใดนัก แต่ทุกๆ คนก็ชอบที่จะอยู่รอบๆ มหาวิทยาลัยศิลป์ซุยเมย์
ในช่วงสามปีที่ผ่านมา มีซุปเปอร์มาร์เก็ตเปิดใหม่และมีราคาถูกกว่า แต่โซราตะเองก็ชอบที่จะมายังย่านการค้าแห่งนี้ เพราะเขาสบายใจมากกว่าที่จะมาที่นี่
ด้วยความโอบอ้อมอารีของผู้คน ณ ที่แห่งนี้เอง ย่านการค้าจึงสามารถอยู่รอดมาได้
ในระหว่างที่โซราตะกำลังหยิบไก่ทอดใส่เข้าปาก เขาก็ได้มาถึงสถานีรถไฟตามที่นัดไว้
ถึงแม้ว่าสถานีนี้จะเรียกว่าสถานีมหาวิทยาลัยซุยเมย์ แต่กระนั้นเลย ตัวสถานีก็ยังห่างจากตัวมหาลัยเกือบสิบห้านาที ในทุกๆ ปีจะมีนักเรียนที่มาถึงที่นี้ในนาทีสุดท้าย และต้องตกเป็นเหยื่อของความสิ้นหวังที่มาไม่ทัน ซึ่งนี่ก็เป็นเรื่องกล่าวขานที่โด่งดังเลยทีเดียว
ที่สถานีรถไฟนี้ มีแนวกั้นรถไฟเพียงฟากเดียว เพราะฉะนั้นแล้ว ผู้ใช้บริการที่อยู่อีกฟากหนึ่งจะต้องเดินข้ามแนวกั้นรถไฟนั้นมาเพื่อซื้อตั๋วที่อยู่อีกฟาก ซึ่งทำให้ลำบากเอามากๆ
โซราตะรออยู่ที่ราวเหล็กกลมบริเวณหน้าแนวกั้นรถไฟ
เขาหยิบภาพถ่ายนั้นขึ้นมาจากกระเป๋าเงินเพื่อดูหน้าเด็กหญิงอีกครั้ง
ชื่อของเธอคือ ชิอินะ มาชิโระ
เป็นชื่อที่แปลกจริงๆ
จิฮิโระบอกว่าเป็นหลานสาว แต่อายุก็ดูจะห่างกันมากเกินไป
ในระหว่างที่โซราตะกำลังคิดเพลินๆ รถไฟขบวนถัดไปก็ได้เข้าเทียบชานชาลา
ปกติแล้วในช่วงเวลานี้ จะเป็นช่วงที่นักเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลายที่ออกมาจากรถไฟ แต่เนื่องด้วยเวลานี้ยังเป็นช่วงวันหยุดฤดูใบไม้ผลิ ผู้โดยสารที่ออกมาจากชานชาลาจึงดูไม่คุ้นตา ทำให้ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าพวกเขาเป็นใคร และมาทำอะไร
แต่กระนั้นโซราตะก็จำใบหน้าหนึ่งในกลุ่มผู้โดยสารเหล่านี้ได้ เจ้าของใบหน้าที่แสนจะคุ้นตานี้ก็จำเขาได้เช่นกัน ฝั่งนั้นเบิกตาโตด้วยความประหลาดใจและสาวเท้าเข้าหาโซราตะ
“นายมาทำอะไรที่นี่น่ะ คงไม่ได้มารอฉันหรอกใช่มั้ย?”
“แน่นอนครับ”
“นั่นสินะ”
มิทากะ จินคลี่ยิ้มเล็กน้อย โซราตะเองก็ไม่เห็นว่ามีอะไรน่าขำ
จินนั้นมีเส้นผ้มสีน้ำตาบ ทั้งสูงและผม ใครๆ ที่อยู่ใกล้เขาจะสามารถสัมผัสได้ถึงความกล้าหาญจากตัวเขา แต่เขาเองก็ปกคุลมไปด้วยความนุ่มนวลด้วยเช่นกัน
แว่นตาที่ส่องประกายนั่นทำเขาดูมีสติปัญญาที่สูงส่ง แถมในสายตาของโซราตะเองแล้ว เขายังดูหล่อเหลาแบบไร้ที่ติอีกด้วย
นั่นคือสิ่งที่โซราตะเข้าใจว่าทำไมจินถึงได้เป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ มากนัก ที่ต้นคอของเขายังมีรอยคิสมาร์คติดอยู่เป็นประจำอีกด้วย
จินนั้นพักอยู่ที่ห้อง 103 ที่หอซากุระ ความสามารถพิเศษคือการทายสัดส่วนของเด็กสาว
“นายถืออะไรอยู่นะ? หอมจัง”
จินใช้มือล้วงเข้าไปในถุงไก่ทอด ความสงสัยปรากฏขึ้นอยู่บนใบหน้าของเขา แต่ยังคงอยู่ในอาการสำรวมแบบผู้ใหญ่
“ไก่ทอดที่ร้านขายเนื้อให้มาระหว่างทางน่ะครับ”
“ดีนี่นา ขอกินบ้างสิ ฉันได้กินแค่ข้าวเช้ามามื้อเดียวเอง”
จินจัดการยัดไก่ทอดใส่ปากด้วยความหิวโหย
“นายนี่เจ๋งจริงๆ โซราตะ”
“ห่ะ?”
“แค่นายเดินผ่านย่านการค้ามาเฉยๆ ก็ได้ไก่ทอดอร่อยขนาดนี้มา นายนี่สุดยอดจริงๆ ขอคาราวะให้เลย”
“ผมว่าคุณจินเจ๋งกว่าผมอีกครับ แค่เดินผ่านเฉยๆ ก็ทำผู้หญิงท้องได้แล้ว”
“เฮ้ย ฉันรู้จักป้องกันนา”
“แล้วเรื่องอนิเมของรุ่นพี่มิซากิล่ะครับ ผลตอบรับดีน่าดูเลย?”
จินเองก็เป็นคนที่บทให้
“นั่นก็เพราะเป็นของมิซากินี่ เธอเป็นคนคิดนอกกรอบแบบนั้นมาตั้งนานแล้ว อืม... อร่อยจริงๆ ฉันชักจะชอบไก่ทอดนี่ซะแล้วสิ”
เมื่อโซราตะรับรู้ถึงสัญญาณที่จินพยายามจะเปลี่ยนเรื่องคุย โซราตะจึงไม่ขุดคุ้ยอะไรไปมากกว่านี้
“ถ้างั้นผมจะไปขอบคุณคุณป้าที่ให้ไก่ทอดมาทีหลังนะครับ แล้วจะบอกด้วยว่าคุณจินชอบไก่ทอดของเธอ”
“นั่นสิ นายเป็นคนของที่นี่สินะ”
“ครับ”
“งั้นทำไมนายถึงยังอยู่หอล่ะ?”
“อยู่ดีๆ ทำไมมาถามเรื่องนี่ล่ะครับ? ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษนี่ครับ”

นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว เป็นวันที่เขาได้รับผลสอบของโรงเรียนมัธยมปลาย
โซราตะแทบไม่อยากจะเชื่อว่านี่เป็นความจริง เขาสอบติดและได้รับการคัดเลือกให้เรียนต่อโรงเรียนภายใต้สังกดของมหาวิทยาลัยศิลป์ซุยเมย์ โซราตะจึงจัดฉลองด้วยการไปร้องคาราโอเกะกับเพื่อน ทั้งร้องทั้งเล่นด้วยความสุขแบบที่เคยมีมาก่อน
พวกเขาร้องกันจนดึกดื่น เมื่อเขากลับมาบ้านก็ต้องได้พบกับคุณพ่อที่ยืนต้อนรับเหมือนทวารบาลอยู่ที่ห้องนั่งเล่น
“โซราตะ ลูกเป็นนักเรียนม.ปลายแล้ว พ่อคิดว่าลูกสมควรได้รับโอกาสที่จะเลือก”
“ครับ?”
“ลูกจะมากับพวกเราที่ฟุคุโอกะ หรือจะอยู่ที่นี่ต่อคนเดียว”
ระหว่างที่พูดอยู่ คุณพ่อก็กอดอกเอาไว้ ซึ่งเป็นภาพยากจะได้เห็น
โซราตะพยายามมองหาความเชื่อเหลือไปยังคุณแม่ทำกำลังฮัมเพลงพร้อมกับล้างจานไปด้วย
“อ่า พ่อได้รับคำสั่งให้ย้ายไปทำงานที่ใหม่”
“ครับ แล้ว?”
“ลูกจะต้องเลือกว่าจะมากับพวกเรา หรือจะอยู่ที่นี่ต่อ”
“เดี๋ยวนะครับ ไม่ใช่ว่าพ่อจะไปคนเดียวหรอกเหรอครับ?”
“นี่ลูกกำลังพูดอะไรอยู่น่ะ? โซราตะ ถ้าพ่อไปคนเดียว พ่อคงต้องเหงาแน่ๆ”
“พ่อไม่ได้รับอนุญาตให้พูดเรื่องแปลกๆ อย่างเรื่องที่ว่าเหงาจนอยู่คนเดียวไม่ได้นะครับ!
“เพราะงั้น พ่อจะเอาแม่กับยูโกะไปอยู่ด้วย”
“เพราะว่าลูกจะอยู่หรือไม่อยู่ ก็ไม่เกี่ยวกับพ่อไง”
“อ๋อ งั้นเหรอ? แล้วเรื่องโรงเรียนของยูโกะล่ะครับ?”
“ยูโกะย้ายโรงเรียนเรียบร้อยแล้วล่ะ”
“เร็วไปหน่อยแล้ว!
แต่ว่าโซราตะก็ไม่ใส่ใจ เท่าที่เขาก็ได้รับชีวิตแบบอิสระที่เขาต้องการในที่สุด
“แต่ว่านะ พ่อไปติดต่อบริษัทอสังหาริมทรัพย์เพื่อจัดการขายบ้านไปเรียบร้อยแล้วล่ะ”
“หยุดก่อน! พ่อด่วนตัดสินใจไปแล้วนะครับ!
“พ่อตัดสินใจที่จะไปจบชีวิตตัวเองบนโลกที่เต็มไปด้วยไข่ปลาค๊อดซอสญี่ปุ่นไปแล้ว”
“พ่อเสียสติไปแล้วเหรอครับ!? ตื่นได้แล้ว! โลกที่เต็มไปด้วยไข่ปลาค๊อดซอสญี่ปุ่นอะไรกัน? ขอโทษฟูคุโอกะเดี๋ยวนี้นะครับ! ที่นั่นไม่ได้มีของดีแค่นี้สักหน่อย!
“ใจเย็นก่อนลูกรัก พ่อเชียร์ทีมฮอลค์ด้วยนะ”
“ใครจะไปสนเล่าครับ!
“แม่จ๋า พ่อทนไม่ไหวแล้ว พ่อคงรับมือกับลูกชายที่กำลังอยู่ในวัยต่อต้านไม่ไหวแล้ว พ่อไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าจะรับมือยากขนาดนี้”
“เดี๋ยวสิครับ! ทำไมผมถึงเป็นคนผิดล่ะ!
พ่อรีบหนีเข้าห้องน้ำในทันใด แปลว่าเขาคงจะไม่อยากคุยต่อแล้วแน่ๆ แต่โซราตะเองก็ไม่อยากจะตามไป ใครอยากจะไปดูพ่อตัวเองโป๊กันล่ะ?
แม่เองก็นั่งอยู่ต่อหน้าเขา
“งั้นลูกตั้งใจจะทำยังล่ะ? นี่เป็นเวลาเลือกของลูกแล้วนะ”
“แม่ครับ แล้วใบปลิวโปรโมชั่นโรงเรียนยังอยู่มั้ยครับ? ค่าหอเท่าไหร่อะครับ?”
“มันเขียนว่า ห้าหมื่นห้าพันเยนสำหรับพร้อมอาหารเช้าและอาหารเย็น”
ตอนนี้บนใบหน้าของคุณแม่ปรากฏรอยยิ้มแบบปีศาจขึ้นมาแล้ว
“ชิบหายแล้ว แต่ยังพอไหวอยู่ ถ้าเราไปทำงานพิเศษหรือย่างอื่น”
“เอ๋ ทำไมล่ะ? ทำไมล่ะ? ทำไมพี่จ๋าไม่มากับเราด้วยล่ะ?”
ยูโกะ น้องสาวของโซราตะ อยู่นี้ชุดนอนสีชมพูแบบเด็กๆ เข้ามาขัดบทสนทนากลางคัน
เธอคว้าแขนของพี่ชายเอาไว้แล้วร้องไห้งอแง “ทำไมล่ะ? ทำไมล่ะ?” แล้วก็เริ่มลงไปกลิ้งบนพื้นบ้าน
“ยูโกะอยากจะอยู่กับพี่จ๋า พี่จ๋าไม่สนใจว่าจะไม่ได้อยู่กับยูโกะเหรอ? ใจร้ายที่สุด!
น้องสาวของโซราตะจะขึ้นมัธยมศึกษาปีที่สองในเดือนเมษายนนี้ แต่ด้วยความที่ไม่รู้จักโต ทำให้น่าเป็นห่วงเอามากๆ ด้วยความที่ร่างกายของเธอนั้นไม่แข็งแรง ทำให้โซราตะต้องคอยดูแลยูโกะอยู่เสมอ และเธอก็เป็นคนแรกที่คัดค้านการย้ายที่ทำงาน
“พี่ไม่อยากจะที่ล้มเลิกที่จะเข้าเรียน เพราะพี่ต้องพยายามมากถึงจะได้เข้าเรียนที่นี่นะ”
“ที่พี่จ๋าอยากเข้าเรียนก็เพราะแค่ว่ามันอยู่ใกล้บ้านเองนี่นา! งั้นก็แค่หาที่เรียนใกล้บ้านใหม่ที่ฟุคุโอกะเองก็ใช้ได้แล้ว! พี่จ๋าไม่บริสุทธ์ใจอ่ะ!
แต่กระนั้นแล้วยูโกะเองก็ยังไม่ตัดใจ เธอพยายามเกลี้ยกล่องโซราตะทุกวิถีทาง เพื่อที่จะได้ไปด้วยกัน
แต่ยูโกะที่เห็นสายตาอันแน่วแน่ของโซราตะแล้วเธอก็แทบจะร้องไห้ออกมา โซราตะรู้สึกไม่ดีเอามากๆ ทำให้ยูโกะร้องไห้ ในที่สุดยูโกะก็ต้องหยุด
“พอได้แล้วจ่ะ ยูโกะหยุดดื้อได้แล้วนะลูก ไม่งั้นพี่ชายจะเกลียดเอานะ”
ยังไงก็ตาม แม่เป็นแม่ของยูโกะมากว่าสิบสามปี เอจึงรู้ว่าควรจะทำยังไง
“เข้าใจแล้วค่ะ... หนูจะยอมเรื่องพี่จ๋าก็ได้...”
ยูโกะกลับไปที่ห้อง นัยน์ตาที่ร่าเริงเหมือนกับลูกม้าก็หายไปด้วย
ในวันถัดมา โซราตะเดินเรื่องเข้าเรียนต่อที่ซุยโกะและเรื่องหอพักเรียบร้อยทั้งหมด ในขณะที่ครอบครัวของเขาก็สาละวนอยู่กับย้ายบ้าน


แม้ว่านี่จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมือปีที่แล้ว แต่โซราตะกลับรู้สึกว่ามันนานกว่านั้นมาก
เมื่อเขาเล่าถึงจุดไคล์แมกซ์ จินก็หัวเราะออกมา
“เป็นครอบครัวที่น่าอิจฉาจังนะ”
“เพราะว่ามีพ่อบ้าๆ แบบนั้นแหละครับ”
“แต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่เหตุผลอะไรร้ายแรงนี่นะ ฉันเองก็ไม่ได้เตรียมใจมาฟังเรื่องชวนปวดตับแบบนั้นด้วย”
“อย่างเรื่องการหย่าร้างหรือคนหายน่ะเหรอครับ?”
“นั่นแหละ”
จินยิ้มแบบเปิดเผยให้เห็น โซราตะคิดว่ารอยยิ้มนี้คงจะทำให้สาวหลงไปหลายคนแล้วล่ะมั้ง
“ถ้างั้นแล้ว นายมาทำอะไรที่นี่ล่ะ?”
“อ่อ เพราะว่า...”
โซราตะหยิบรูปที่ได้รับจากจิฮิโระขึ้นมาให้จินดู
“น่ารักจริงๆ เลยน้า”
“เห็นด้วยครับ”
“ประมาณห้าขวบได้หรือเปล่า?”
“น่าจะราวๆ นั้นแหละครับ”
“น้องสาวนายเหรอ?”
“ไม่ใช่ครับ”
“งั้นเหรอ เข้าใจล่ะ”
“คุณจินเข้าใจอะไรครับ?”
“ไปหาตำรวจเถอะนะโซราตะ แล้วสารภาพว่าจริงๆ แล้วนายเป็นคุณหมีรักเด็ก แล้วก็บอกด้วยว่าตัวการที่ก่อเรื่องลากมกในช่วงนี้ จริงๆ แล้วเป็นนาย แล้วฉันก็จะไปเป็นเพื่อนนายด้วยนะ”
“ทำไมคุณถึงพูดเรื่องนี้ด้วยสีหน้าจริงจังแบบนั้นได้ล่ะครับ! ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น! มันเป็นเพราะว่าอาจารย์จิฮิโระให้ผมมารับเด็กคนนี้ต่างหาก!
“หือ เป็นแบบนั้นเองเหรอ? น่าเบื่อชะมัดเลย”
“คุณจินคิดว่าถ้าผมเป็นไอ้โรคจิต เรื่องถึงน่าจะสนใจหรือไงครับ?”
“ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจกว่าความจริงอันแสนน่าเบื่อแหละนะ หรือว่าไม่จริง?”
ด้วยสีหน้าแบบนี้ของจินแล้ว โซราตะเองก็แยกไม่ออกว่าเป็นเรื่องจริงจังหรือเรื่องล้อเล่นกันแน่
ทันใดนั้นโซราตะก็จับภาพของเด็กสาวที่ใส่ชุดนักเรียนของซุยโกะผ่านทางหางตาที่อยู่ที่นั่งด้านหลังได้
นั่นคือชุดนักเรียนใหม่เหมือนกับที่ไม่เคยถูกใส่มาก่อน เธอถือกระเป๋าเดินทางสีน้ำตาลและมองไปยังรถแท็กซี่ด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
ด้วยสีม่านตาสีแดงเหมือนกับวิหคเพลิงนั้นทำให้เธอดูเป็นผู้ใหญ่ กระนั้นแล้วเธอก็มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับโซราตะเพราะชุดนักเรียนแบบเดียวกัน
ผิวสีขาวที่เหมือนกับจะมองทะลุผ่านได้ของเธอนั้นคล้ายกับจะย้อมให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบข้างกลายเป็นสีขาว
ด้วยความที่เหมือนกับจะตกอยู่ภายใต้มนต์สะกดของความงดงามที่น่าอัศจรรย์ใจ โซราตะไม่สามารถที่จะละสายตาไปจากเธอได้เลย ความคิดของเขาว่างเปล่าไปหมด เหลือแต่เพียงโลกสีขาวอันไร้ซึ่งขอบเขต นอกจากตัวตนของเธอแล้ว เขาก็ไม่สามารถที่จะมองเห็นอะไรได้อีก จ้องมองจนลืมแม้กระทั้งลมหายใจ และแม้กระทั้งความคิดก่อนหน้านี่ก็เลือนหายไปหมด
เด็กสาวที่กำลังถูกจ้องมอง เธอกำลังมองไปที่หินก้อนใหญ่ตามลำพัง ส่วนโซราตะนั้นก็กำลังตกอยู่สภาพที่การรับรู้นั้นผิดเพี้ยนไปหมด
“เด็กคนนั้นดูพิเศษมาก จริงมั้ย โซราตะ?”
“....”
“โซราตะ?”
โซราตะนั้นได้ยินคำพูดของจิน แต่กระนั้นแล้วเขาก็ไม่ได้รับรู้ความหมายใดๆ จากคำพูดนั้น
เด็กสาวเยื้อย่างด้วยความเงียบงัน ถ้าจะให้เปรียบเทียบเหมือนกับแมวแล้ว เธอคนนั้นก็เปรียบเหมือนกับแมวอิริโอะโมโตะ (แมวป่าโบราณ)... เธอนั้นมีตัวตนที่สูงส่ง และจิตวิญญาณอยู่ภายใน นอกจากนี้บรรยากาศรอบๆ ตัวเธอยังแฝงไปด้วยความอันตราย เหมือนกับสายพันธุ์ที่ใกล้สูญพันธุ์ นอกจากนี้หากละสายตาไปเพียงสักเล็กน้อย เธอก็อาจจะหายตัวไปกับสายลมก็เป็นได้ ตัวตนของเธอนั้นให้ความรู้สึกที่น่าอึดอัดแบบนี้แหละ
เธอนั่งอยู่ที่ม้านั่งยาวทรงกลมอย่างเงียบเชียบเหมือนกับตุ๊กตาฝรั่งเศส
เธออยู่ห่างจากโวราตะออกไปราวหกเมตร
ความขวยเขินที่น่าประหลาดพุ่งขึ้นมาจากในอก น้ำลายก็เริ่มที่จะเหนียวข้นขึ้น


“ถึงเธอจะน่ารักยังไงก็แล้วแต่ แต่ว่านายไปจ้องเธอขนาดนั้น มันเสียมารยาทนะ แต่ฉันเห็นด้วยนะ ว่าเธอเป็นแบบที่นายชอบแน่ๆ”
“....”
“เธอเป็นประเภทที่ดูน่าปกป้องสุดๆ เลยล่ะ”
“เอาเถอะ ฉันจะใช้ความสามารถพิเศษช่วยนายเอง เธอสูง 162 เซนติเมตร หนัก 45 กิโลกรัม สัดส่วนจากบนลงล่างคือ 79,55,78 ฉันมั่นใจว่าไม่ผิดแน่ๆ หรือนายกังวลเรื่องที่หน้าอกแบนเกินไป? อย่ามองโลกในแง่ร้ายแบบนั้นสิ เพราะว่าเอวของเธอบางแบบนั้น ขนาดหน้าอกจริงๆ แล้วจะใหญ่กว่าที่เห็นในตัวเลขมากเลยล่ะถ้าเธอถอดเสื้อออกล่ะก็นะ”
โซราตะเริ่มได้ยินที่จินพูดออกมา
“รุ่นพี่จินกำลังพ่นอะไรออกมาครับ?”
“ก็เพราะว่านายเข้าใจง่ายดียังไงล่ะ”
ถึงจะโดนลากออกมาจากภวังค์ได้แล้วก็ตามที่ แต่โซราตะยังคงไม่ละสายตาออกไปจากเด็กสาว เธอเหมือนกับจะเป็นใครสักคนที่เขารู้จัก เพราะฉะนั้นเขาจึงพยายามที่จะนึกดู
น่าตกใจมากที่เขาแทบจะนึกออกในทันที
“อ่า ใช่แล้ว”
“โอเค โอเค อย่าอายไปเลยนะพ่อหนุ่ม”
“ไม่ใช่ครับ เด็กคนนั้นคือเธอนั่นเอง”
โซราตะมั่นใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อเขาพูดขึ้น
“หา? สงสัยฉันจะต้องเป็นคนถามนายแล้วล่ะว่า นายพูดเรื่องอะไรกันแน่?”
“ผมมัวแต่คิดว่าถ้าจะต้องมาทางรถไฟ”
“สมองนายยังดีอยู่หรือเปล่าเนี่ย?”
“ผม หมายถึง รูปใบนี้ครับ!
โซราตะยื่นรูปที่ได้รับจากจิฮิโระให้จินไป
“ฉันไม่เข้าใจนายเลยจริงๆ”
“ช่างมันเถอะครับ”
โซราตะยืนขึ้นจากรั้วเหล็กแล้วเดินเข้าหาเด็กสาวที่นั่งอยู่ที่ม้านั่ง
“เธออยากจะเป็นสีอะไรเหรอ?”
ในครั้งแรกโซราตะยังไม่รู้ว่าเป็นเสียงของเธอ
เขาสบตากับเธอที่มองขึ้นมา ทำให้เขารู้สึกหวั่นไหว
“ผมเหรอ?”
เด็กสาวพยักหน้าเล็กน้อย
“ผมยังไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้นมาก่อนเลย”
“งั้นช่วยลองคิดดูหน่อยนะ”
“ผมไม่รู้นะว่าต่อไปจะเป็นยังไง แต่สำหรับวันนี้ ผมคิดว่าเป็นเหมือนเปลือกหอยละมั้ง...” (ถ้าใครไม่เข้าใจ ลองดูที่ด้านในฝาของเปลืองหอย จะมีเหมือนกับเปลือกเคลือบที่ส่งประกายหลายๆ สีอยู่)
“นั่นเป็นสีเหรอ?”
“จริงๆ แล้วสีมันเหมือนกับสายรุ้งน่ะ แต่ก็ให้ความรู้สึกว่าเป็นสีที่กำกวมล่ะนะ”
“น่าสนใจดี”
“แล้วเธอล่ะ?”
“เอ๋?”
“เธอล่ะ อยากจะเป็นสีอะไรงั้นเหรอ?”
“ฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้นเลย”
“หืม”
“ตอนนี้คงเป็นสีขาวล่ะนะ”
“เหมือนกับชื่อของเธอเลย”
“....”
เธอมองโซราตะด้วยความประหลาดใจ
“ขอโทษทีนะ ฉันไม่ใช่คนน่าสงสัยอะไรหรอก ฉันชื่อคันดะ โซราตะ อาจารย์จิฮิโระเป็นคนให้ฉันมารับเธอน่ะ เธอน่าจะรู้อยู่แล้วนี่นา?”
“จิฮิโระงั้นเหรอ?”
“โถ่... อาจารย์นี่ใช้ไม่ได้เลย”
โซราตะหยิบรูปขึ้นมาลองเทียบกับเด็กสาวตรงหน้า ถ้าใช้แค่รูปอย่างเดียว คงจะหาไม่เจอแน่ๆ แต่โซราตะจำเธอได้เพราะทั้งรูปและตัวเธอเองให้ความรู้สึกที่เหมือนกัน
เพราะฉะนั้นเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าคือ ชิอินะ มาชิโระ ไม่ผิดแน่
“รูปนี้ ตั้งแต่ปีไหนกันนะ? เธอโตขึ้นเป็นสามเท่าได้แล้วเนี่ย”


0 comments: